ถ้าจะพูดถึงรถคลาสสิกระดับ “มัสเซิล คาร์” สักคัน รุ่นอะไรบ้างที่คุณพอจะนึกออก Ford Mustang, Chevrolet Camaro หรือว่าจะเป็น Dodge Charger ยังมีอีกรุ่นที่นับว่าเป็น “ตัวเก๋า” ระดับรุ่นพ่อหรือคุณปู่เคยหลงใหล ภายใต้บริบทของรถบ้าพลังมัสเซิล คาร์นั่นก็คือ Ford Gran Torino 1969 คันนี้
1969 Ford Gran Torino รถซิ่งตัวแรงอีกคันที่ถูกลืม จุดเริ่มต้นของความนิยมในรถมัสเซิล คาร์ อีกคัน รถคันเจ๋งที่ถูกนำไปเป็นตัวเด่นในภาพยนตร์หลาย ๆ ที่คอหนังน่าจะพอผ่านตากันมาบ้างไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Starsky and Hutch, Fast And Furious หรือ Gran Torino ทำไมรถคันนี้ยิ่งนานวันถึงยังเท่ขึ้นเรื่อย ๆ เสน่ห์ของมันมีอะไรมากกว่าแค่เป็นมัสเซิลคาร์
1969 Ford Gran Torino จากเริ่มต้นเป็นแค่ “เบอร์รอง”
ช่วงปลายทศวรรษที่ 60 นักออกแบบและวิศวกรของ Ford จาก Australia ได้รับคำสั่งให้เริ่มต้นโปรเจคลงบนแผ่นกระดาษ เพื่อสร้างรถโมเดลใหม่ทั้งหมดของรถรุ่น Falcon(Fairlane) เพื่อเตรียมใช้เปิดตัวในอนาคต และในขณะเดียวกันก็มีอีกทีมที่สร้างรุ่นย่อยออกมาใช้ชื่อว่า “Torino” ถูกตั้งตามชื่อเมืองตูรินในประเทศอิตาลี เมืองที่เป็นแหล่งสร้างประติมากรรม 4 ล้อชื่อดังมากมายไม่ต่างกับดีทรอยต์ของอเมริกา รับหน้าที่ต่อยอดสร้างรถที่คล้ายกันแต่มีตัวถังโฉบเฉี่ยวข้ึน สปอร์ตขึ้น เป็นรถสองประตูจนกลายมาเป็น Ford Torino ในปี 1968
Cr. Horsepowermemories
อย่างที่บอกไปว่าจริง ๆ แล้ว Torino นั้นออกมาก็เพื่อเพิ่มทางเลือกในกลุ่มลูกค้าของ Falcon ที่มีอยู่เดิมซึ่งจะเป็นรถสี่ประตู การมาแบบรถสปอร์ต 2 ประตูของ Torino จึงกลายเป็นการสร้างฐานลูกค้าใหม่ที่น่าสนใจของทาง Ford และมันประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ขนาด Torino อยู่ในฐานะรุ่นย่อยอย่างไม่อย่างทางการของ Falcon(Fairlane) แต่ก็ไม่สามารถบดบังรัศมีบนยุคเฟื้องฟูของมัสเซิล คาร์ ราคาเอื้อมถึงง่าย Torino ทำยอดขายไปกว่า 100,000 คันในตลาด และพอเข้าสู่ต้นยุค 70’ ก็ยังเดินหน้าถล่มยอดขายได้ต่อเนื่องกว่า 60,000 คันต่อปี ผ่านรุ่นย่อยรุ่นพิเศษมากมาย
Ford Torino ที่ถูกเปิดตัวในช่วงแรกมีด้วยกัน 5 รูปแบบ
- 2-ประตู Hardtop
- 2-ประตู Fastback (Coupe)
- 2-ประตู Convertible (เปิดประทุน)
- 4-ประตู Sedan
- 4-ประตู Station Wagon
https://www.tradeuniquecars.com.au/feature-cars/1703/ford-torino-gt-review
Ford Torino ถูกแนะนำด้วยขุมกำลังขนาดมหึมาตามยุคสมัย เครื่องยนต์ “Cobra-Jet” V8 ขนาด 7.0L คือตัวเอกของรุ่น และยังมีเครื่องยนต์ที่ขนาดรองลงมา 4.4L, 4.7L, 4.9L, 6.4L เมื่ออยู่ในรูปแบบรถสปอร์ต 2 ประตู ต้องบอกว่าเป็นเหมือนรถ “ใช้ซิ่งวิ่งของ” แต่งให้แรงขึ้นเพื่อไว้หนีตำรวจเวลาขนเหล้าเถื่อนในยุคนั้น หรือจะไว้ขับอวดสาวในคืนวันศุกร์ก็มีแต่คนเหลียวตาม เท่านั้นยังไม่พอ รถรุ่นนี้ยังถูกนำไปใช้เป็นรถแข่งในการแข่งขัน “NASCAR” อีกด้วยภายใต้ชื่อรุ่น “Torino Cobra”
เมื่อมี Torino ต้องนึกถึง 428 Cobra-Jet
ความนิยมที่เป็นรุ่นตั้งต้นของโมเดลอย่าง Fairlane ค่อย ๆ จางแต่กลับเป็นรุ่นย่อยที่โดดเด่นขึ้นมาแทนอย่าง Torino ถูกใช้เป็นชื่อรุ่นหลัก และเขี่ยชื่อ Fairlane ให้กลายเป็นแค่รุ่นย่อยของโมเดลเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงของรุ่นใหม่ในปี 1969 จึงกลายมาเป็นยุคของ Torino เต็มตัว จะเห็นได้กับความสวยงามหลาย ๆ จุดที่ราวกับว่านักออกแบบของ Ford สร้างออกมาเพื่อรถ 2 ประตูอย่างแท้จริง
Cr. Horsepowermemories
และก็ดูเหมือนว่า Cobra-Jet จะไม่ใช่เพียงชื่อเครื่องยนต์ที่ดูน่าสนใจเพียงอย่างเดียว แต่ทาง Ford พยายามดันชื่อนี้สุด ๆ เพื่อสื่อให้เห็นถึงความแรง ถึงสมรรถนะตัวรถที่มากกว่ารุ่นทั่วไป ชื่อนี้ “Cobra” ถูกนำมาใช้บ่อยขึ้นในหลาย ๆ รุ่นที่เปิดตัวบนโมเดล Torino จนในที่สุดทำให้รุ่น Torino Cobra นอกจากจะพกพาขุมกำลังช้างสาร Cobra-Jet 7 พัน ซี.ซี. มาด้วยแล้ว ยังปรับปรุงให้ดูดุดันเหมือนรถแข่ง NASCAR มากขึ้นด้วยระบบกันสะเทือนที่เหมือนใช้จริงในสนาม เกียร์ธรรมดา 4 Speed ยางแก้มหนา F70-14 กระจังหน้าเป็นแบบสีดำด้านมาพร้อมหมุดล็อกฝากระโปรงที่มีสกู๊ปดักลมอันเป็นเอกลักษณ์ เด่นที่สุด ! คือสัญลักษณ์รูป “ไอ้งูเห่า” Cobra ที่ชี้ชัดว่ารถคันนี้ถูกสร้างมาพร้อมลงสนามในทุกครั้งที่สตาร์ท
Cr. Macsmotorcitygarage
Ford Torino 1972 กับตัวตนที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
Torino เปิดตัวโฉมใหม่ออกมาให้เลือก 3 รุ่น “Torino” “Gran Torino” และ “Gran Torino Sport” นอกจากรูปทรงที่ดูมีน้ำมีนวลประหนึ่งชวดโค้ก นั่นคือด้านหน้ากับตะแกรงกระจังรูปไข่ปลาขนาดใหญ่ มองคล้ายกับว่าตัวรถกำลังอ้าปากกว้างอยู่ตลอดเวลา ดูเป็นเอกลักษณ์ที่ทำออกมาได้อย่างลงตัว ตัวหลังคาดูบางลง ลาดลงชัดเจนถึงความสปอร์ตแต่ความสมบูรณ์แบบยังคงไม่เสื่อมคลายจากรุ่นก่อนหน้า (1968)
Cr. https://www.curbsideclassic.com/curbside-classics-american/curbside-classic-1975-ford-gran-torino-symbol-of-the-seventies/
จากโฉมปี 1968 ที่มีรุ่นย่อยให้เลือก 14 รุ่น โฉมใหม่ปี 1972 ลดมาเหลือ 9 รุ่น มีทั้งรุ่น 2 ประตู 4 ประตู และรุ่นหลังคาแข็งที่ไม่มีเสา B รวมไปถึงรุ่นที่เป็น Station Wagon แต่แน่นอนว่ารุ่นเด่นชูโรงนั้นคือ Torino ตัว 2 ประตู ซึ่งต่อมาถูกปรับชื่อให้ดูแกรนด์ขึ้นจากโฉมก่อนที่ใช้ชื่อว่า Torino 500 ในโฉมใหม่ใช้ชื่อเป็น “Gran Torino” ส่วนรุ่น Torino GT ก็ปรับชื่อเป็น “Gran Torino Sport”
ตัว 2 ประตู ซึ่งต่อมาถูกปรับชื่อให้ดูแกรนด์ขึ้นจากโฉมก่อนที่ใช้ชื่อว่า Torino 500 ในโฉมใหม่ใช้ชื่อเป็น “Gran Torino” ส่วนรุ่น Torino GT ก็ปรับชื่อเป็น “Gran Torino Sport”
Cr. http://forum.grantorinosport.org/the-vintage-photo-thread_topic8113_page43.html
และทั้งหมดนี้น่าจะทำให้คุณได้รู้จักกับอดีตสุดยอดมัสเซิล คาร์ ที่นักเล่นในบ้านเราต่างถวิลหาอีกคัน ต้องบอกว่าแทบจะนับคันได้เลยที่มีวิ่งได้ในไทย (หรืออาจจะไม่มี?) ซึ่งนับว่ามูลค่ามีแต่จะยิ่งสูงขึ้นไปตามความหายากของตัวรถ (รวมไปถึงเรื่องอะไหล่) จะครอบครองตำนานไม่ใช่เรื่องง่าย ใครที่เล่นจะต้องรักจริง ๆ แต่ก็อย่างว่า… ถ้ามันเป็นความสุขทางใจ จะให้ประเมินค่าเป็นตัวเลขเงินยังไงก็คงจะยาก
รายละเอียดรถยนต์ Ford Gran Torino ราคาในตลาดมือสอง : 20,000-120,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ |
รายละเอียดเครื่องยนต์ “Cobra-Jet” 428-4V FE V8 335 แรงม้า 603 Nm ระบบส่งกำลัง : เกียร์อัตโนมัติ 3 Speed, เกียร์ธรรมดา 3 Speed ความจุถังน้ำมัน : 40 ลิตร น้ำมันเชื้อเพลิง : เบนซิน 95 |
มิติตัวถัง ความยาว : 5105 มม. ความกว้าง : 1892 มม. ความสูง : 1356 มม. ระยะฐานล้อ : 2946 มม. น้ำหนักตัวรถ : 1530 กก. |
รถยนต์รุ่นใกล้เคียง Ford Mustang, Chevrolet Camaro, Dodge Challenger, Mercury Cougar |
เข้าชม ตลาดรถ และโพสต์ขายรถของท่านได้ที่ ตลาดรถ รถมือสอง รถบ้าน
เช็คราคาซื้อ รถใหม่ รถมือสองได้ที่นี่ เช็คราคารถใหม่ รถมือสอง ฟรี!
เช็คราคาคงเหลือของรถของคุณได้ที่นี่ เช็คราคารถของคุณ ฟรี!
เข้าอ่านบทความรีวิวรถต่างๆ ได้ที่ รีวิวรถยนต์
เข้าอ่านบทความไลฟ์สไตล์ และ เกร็ดความรู้ ต่างๆ ได้ที่นี่ ไลฟ์สไตล์ /เรียนรู้เรื่องรถ
เข้าชมบทความอัพเดท ข่าวสารในวงการรถยนต์ ได้ที่นี่
สนใจเรื่องการประมูลรถ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ มอตโต้ อ๊อคชั่น