เคยมั้ยครับ เวลาอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์ สเปครถยนต์ในบางคันจะบอกว่าเป็นรถที่ได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ที่ทำให้การขับขี่คล่องตัวยิ่งขึ้นและทำให้สมรรถนะของรถเพิ่มขึ้น รวมไปถึงช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น บางคนอาจจะรู้ว่าหมายถึงอะไร แต่เชื่อว่าหลายคนก็ยังไม่รู้จัก ไม่รู้ว่ามันทำงานอย่างไร และช่วยทำให้การขับขี่ดีขึ้นได้จริง ๆ หรือไม่ ในบทความนี้เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม เราจึงได้พามารู้จักกับศาสตร์นี้กันครับ

ทำความรู้จักอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamics)

อากาศพลศาสตร์ (Aerodynamics) คือ ศาสตร์เกี่ยวกับแรงที่อากาศกระทำต่อวัตถุ ในขณะที่วัตถุนั้นเคลื่อนที่ผ่านอากาศ ซึ่งวัตถุนั้นอาจเป็นเครื่องบิน เรือ รถยนต์ โดยนักวิทยาศาสตร์ วิศวกร สถาปนิก จะทำการศึกษาเกี่ยวกับแรงดังกล่าวเพื่อนำมาออกแบบและสร้างเครื่องบินหรือยานพาหนะต่าง ๆ อย่างในวงการรถยนต์ที่แต่ก่อนมักใส่ศาสตร์นี้เข้าไปในรถยนต์จำพวกรถแข่ง รถซูเปอร์คาร์ หลัง ๆ มาก็ได้ใส่เข้ามาในรถยนต์ทั่วไปมากขึ้นด้วย

อากาศพลศษสตร์เกี่ยวพันกับแรงต้านและแรงกด

จากการศึกษาอากาศพลศาสตร์ พบว่าแรงที่เกิดจากวัตถุที่เคลื่อนผ่านอากาศมีแรงอยู่ 2 ชนิดที่เกี่ยวข้อง คือ

แรงต้าน (Drag Force) คือ แรงที่ต้านการเคลื่อนที่ของรถอันเนื่องมาจากอากาศ รถที่มีพื้นที่ปะทะลมมากจะมีแรงต้านอากาศมาก เช่น รถตู้ รถบรรทุก แรงต้านมีผลโดยตรงกับอัตราเร่งและความเร็วสูงสุด

แรงกด (Down Force) คือ แรงที่กดรถลงกับพื้น แรงกดมากจะส่งผลให้รถมีแรงยึดเกาะมากขึ้น (More Downforce, More Traction) ทำให้สามารถเข้าโค้งได้เร็วมากขึ้นและมีความปลอดภัยอีกด้วย

ความสัมพันของแรง 2 ชนิดนี้คือ เมื่อใดที่รถสามารถสร้างแรงกดเพิ่มขึ้น แรงต้านอากาศก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

อากาศพลศาสตร์ส่งผลดีต่อการขับขี่อย่างไร

อากาศพลศาสตร์ของยานยนต์ (Vehicle Aerodynamics) เป็นการนำศาสตร์ของการเคลื่อนไหวผ่านอากาศมาปรับใช้ในยานยนต์ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้แรงต้านและแรงกดเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็น รูปทรงหรือตัวถังของรถยนต์ ระยะช่องว่างระหว่างพื้นรถยนต์กับถนน และมุมก้มของยานยนต์ เป็นต้น

การออกแบบให้ถูกหลักอากาศพลศาสตร์

นักออกแบบต้องมีความรู้เรื่องอากาศพลศาสตร์อย่างถ่องแท้และออกแบบโดยคำนึงถึงการไหลของอากาศที่สามารถควบคุมการจับตัวเป็นหยดของน้ำและสิ่งสกปรกบนผิวกระจกและโคมไฟด้วย รวมทั้งยังต้องคำนึงถึงเสียงที่เล็ดลอดเข้ามาในรถยนต์ เนื่องจากลมและการถ่ายเทอากาศภายในรถยนต์ การไหลของอากาศสำหรับหล่อเย็นเครื่องยนต์ก็มีความสำคัญเช่นกัน หากมีการถ่ายเทดีก็จะช่วยเสริมทำให้เครื่องยนต์ขับขี่ได้ดีขึ้น

ซึ่งรถยนต์ในปัจจุบันได้รับการออกแบบให้มีรูปทรงลู่ลมมากขึ้นเพื่อลดแรงต้านและปรับปรุงสมบัติต่าง ๆ ทางอากาศพลศาสตร์ให้ดีขึ้น และให้ความสำคัญในเรื่องของแรงกดที่ช่วยในเรื่องของการยึดเกาะถนน เข้าโค้งได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจมากขึ้น ซึ่งในการออกแบบรถยนต์ให้ออกหลักอากาศพลศาสตร์ จะมีการทดสอบในอุโมงค์ลมเพื่อเช็กสภาพประสิทธิภาพว่าการออกแบบนั้นมีความสมบูรณ์แล้วหรือไม่

การออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ช่วยให้ประหยัดน้ำมัน

เมื่อรถยนต์ได้รับการออกแบบให้มีแรงต้านลดลง นอกจากจะทำให้เครื่องยนต์มีสมรรถนะดีขึ้น ขับเคลื่อนได้เร็วขึ้นแล้ว ยังส่งผลถึงในเรื่องของการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ด้วย แต่หากขับขี่ทั่วไปที่มีการเบรกการเร่งเครื่องสลับกันอาจจะไม่เห็นความแตกต่างมากนัก แต่หากลองขับด้วยความเร็วคงที่จะพบว่าการเผาผลาญพลังงานต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งในปัจจุบันเราจะเห็นว่าค่ายที่ผลิตรถ Eco car ได้มีการนำศาสตร์นี้มาใช้ เพื่อให้รถยนต์ประหยัดน้ำมันขึ้น

หลังจากที่ทุกคนได้อ่านบทความนี้จบแล้ว เชื่อว่าต่อไปเวลาดูสเปครถยนต์ก็คงสนใจเจ้าอากาศพลศาสตร์มากขึ้นอย่างแน่นอน มันเป็นศาสตร์ที่ผ่านการคิดมาอย่างซับซ้อนและนำมาใส่ในยานยนต์ที่เราเห็นกันในทุก ๆ วันได้อย่างแนบเนียน และมีโยชน์ต่อรถยนต์จริง ๆ ครับ

เข้าชม ตลาดรถ และโพสต์ขายรถของท่านได้ที่ ตลาดรถ รถมือสอง รถบ้าน

เช็คราคาซื้อ รถใหม่ รถมือสองได้ที่นี่ เช็คราคารถใหม่ รถมือสอง ฟรี!

เช็คราคาคงเหลือของรถของคุณได้ที่นี่ เช็คราคารถของคุณ ฟรี!

เข้าอ่านบทความรีวิวรถต่างๆ ได้ที่ รีวิวรถยนต์

เข้าอ่านบทความไลฟ์สไตล์ และ เกร็ดความรู้ ต่างๆ ได้ที่นี่ ไลฟ์สไตล์ /เรียนรู้เรื่องรถ

เข้าชมบทความอัพเดท ข่าวสารในวงการรถยนต์ ได้ที่นี่

สนใจเรื่องการประมูลรถ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ มอตโต้ อ๊อคชั่น